ยางแตก เกิดจากอะไร ?

ปัญหารถยนต์ยางแตกน่าจะเป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่อยากเจอะเจอเป็นที่สุด เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ขึ้นเราจะควบคุมสถานการณ์ได้ยากลำบาก และหลายๆครั้งที่รถยนต์ยางแตกมักก่อให้เกิดความสูญเสียหรืออุบัติเหตุอื่นๆตามมา

มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้ยางรถยนต์แตกได้ การตระหนักถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ซึ่งสาเหตุของยางแตกที่พบบ่อยได้แก่

5 ปัจจัย ที่สามารถทำให้ยางรถยนต์แตกได้

1) บรรทุกหนัก

การบรรทุกเกินค่าอัตรารับน้ำหนักสูงสุดที่กำหนดไว้ โครงสร้างของยางรถยนต์ โดยเฉพาะบริเวณแก้มยาง หรือ ขอบยาง จะแตก หัก จนยางอาจระเบิดได้ โดยเราสามารถดูดัชนีบรรทุก (Load Index) หรือสัญลักษณ์เพื่อใช้ดูอัตราการรับน้ำหนักของยางเส้นนั้นๆ จากตัวเลขที่อยู่ตรงแก้มยางบริเวณหลังตัวเลขบอกขนาดยาง ยกตัวอย่างเช่น “205/55R/16 91V” ตัวเลข “91” หมายความว่า ยางเส้นนี้สามารถรับน้ำหนักได้ 615 กิโลกรัม รถ 1 คันมียาง 4 เส้น ดังนั้น ยาง 4 เส้นจะสามารถรับน้ำหนักได้ 2,460 กิโลกรัม

2) เติมลมยางน้อยหรือมากเกินไป

การเติมลมยางอ่อนเกินไปยางจะรับน้ำหนักรถได้ไม่ดี รับน้ำหนักมากเกินไป ทำให้เกิดความร้อนภายในยาง แก้มยางที่ผิดรูปและเสี่ยงต่อการระเบิด ขณะเดียวกันหากใช้แรงดันลมยางแข็งเกินไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยืดเกาะถนน ทั้งบนทางโค้ง การเบรก รวมทั้งมีความยืดหยุ่นน้อยลง นอกนจากนี้ยังเป็นสาเหตุให้ระบบกันสะเทือนของรถทำงานหนักกว่าปกติและมีโอกาสชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควร และหากโดนกระแทกแรงๆ เช่นกรณีตกหลุมในขณะใช้ความเร็วสูง ยางรถยนต์ก็มีโอกาสระเบิดได้ง่ายกว่าการเติมลมในปริมาณที่พอดี 

3) ถูกของมีคมทิ่มตำและแก้มยางโดนบาด

ยางคือชิ้นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นผิวถนนอยู่ตลอดเวลา เศษแก้ว ตะปู หินคม เศษเหล็ก ความแหลมคมของก้อนหินหรือสันขอบหลุมและอื่นๆอีกมากมาย อาจไปบาดที่แก้มยางส่งผลให้ยางระเบิดได้

4) ขับรถเร็วเกินไป

นอกจากจะโดนใบสั่งแล้วการเร่งความเร็วเกินกว่าที่ยางจะรับได้คือสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้ยางระเบิด ซึ่งเราสามารถอ่านเครื่องหมายที่แก้มยางเพื่อดูดัชนีระบุสัญลักษณ์ความเร็วยางได้ซึ่งคือตัวอักษรยางรถยนต์สุดท้ายในรหัสขนาดของยาง เช่น “205/55R/16 91V” ตัวอักษร “V” แทนค่าดัชนีสัญลักษณ์ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5) ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ

ยางรถยนต์ที่ใช้งานมานานเกิน 4 ปี ส่วนใหญ่จะเสื่อมสภาพซึ่งทำให้ลมยางที่อ่อนกว่าปกติ ต้องเติมลมยางบ่อย แก้มยางหรือหน้ายางที่มีรอยแตกลายงา ดอกยางสึก ยางที่เสื่อมสภาพเสียงยางตอนเบรกจะดังมากทั้งที่ไม่ได้เบรกแรง นอกจากนี้เสียงยางจะดังขณะเข้าโค้ง สิ่งเหล่านี้แสดงว่ายางมีสภาพไม่สมบูรณ์ และเมื่อถูกใช้งานไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้ยางแตก

เมื่อเกิดปัญหายางแตก การจะตัดสินใจว่าจะปะซ่อมแซมหรือเปลี่ยนยางใหม่ทั้งเส้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือขนาดของแผลและตำแหน่งความเสียหาย ยางที่สามารถปะได้ขนาดแผลต้องไม่ใหญ่เกิน 6 มิลลิเมตร ความเสียหายไม่มากกว่า 2 ตำแหน่ง และ ช่วงระยะห่างต้องเกิน 40 เซ็นติเมตร โดยบาดแผลบริเวณหน้ายางสามารถปะได้ แต่บาดแผลบริเวณแก้มยางหรือด้านข้างขอบยาง ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงและไม่มีเส้นลวดไม่แนะนำให้ปะ เพราะเป็นจุดที่เปราะบางและเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง

ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ขับรถที่ยางแบนหรือยางแตก เพราะรถที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์อาจเกิดอันตรายทั้งต่อตัวเราและต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น นอกจากนี้การขับรถทั้งที่ยางแบนนอกจากจะเสียยางยังอาจโชคร้ายเสียกระทะล้อไปด้วย ดังนั้นหากพบว่ารถยางแตก ควรตั้งสติ ขับรถหลบเข้าไหล่ทาง เปิดไฟฉุกเฉิน สังเกตให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นปลอดภัยแล้วจึงทำการเปลี่ยนยางอะไหล่ หรือถ้าไม่มียางอะไหล่หรือไม่สามารถเปลี่ยนเองได้ควรโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ หรือร้านปะยางที่ให้บริการนอกสถานที่

ถ้าเกิดปัญหายางรั่ว ยางซึม ยางแบบ ยางแตก ระหว่างทาง “NC. ปะยาง 24 ชม.” คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณอุ่นใจ เนื่องจากเรามีทีมช่างมากประสบการณ์ที่ทำงานมากว่า 10 ปี ทำงานทั่วกรุงเทพและปริมณฑล สามารถให้บริการแก้ปัญหาได้ทุกพื้นที่อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 15 – 30 นาที ให้บริการไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมง โดยทางร้านมีทั้งยางมือหนึ่งและยางเปอร์เซ็นต์ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการตามความต้องการ ราคาปะยางย่อมเยาว์เริ่มต้นที่เพียง 300 บาท คิดจะปะยางคิดถึง “NC. ปะยาง 24 ชม.”

Add a Comment

Your email address will not be published.